[CR] แบ็คแพ็คมาเดินเล่นที่นี่ - เมืองปีนัง -

หลังจากที่ในหัวเต็มไปด้วยความเครียด เรียน เรียน เรียน เลยมีความคิดว่า ไปไหนสักที่ที่ไม่เคยไป ลองไปในเมืองที่ไม่รู้ว่าเค้าใช้ชีวิตยังไง กินอะไร ทำอะไร พูดสื่อสารกันด้วยภาษาอะไร เลยลองหาข้อมูลดู ถามคนโน้นคนนี้ เลยได้คำตอบมาว่า "ที่นี่ดิวะ ปีนัง"



เราเริ่มต้นด้วยการหาที่พัก งบตอนแรกไม่เกินคืนละ 700 จากการถามข้อมูลมาในราคาแค่นั้นก็เป็น ห้องน้ำรวมทั้งหมด ซึ่งตอนแรกผมก็คิดว่า ห้องน้ำรวมมันไม่ค่อยจะโอเคเท่าไหร่ เพราะเราไม่ได้รู้ว่าประเทศเขาเป็นยังไง เลยได้จองที่โรงแรมผ่าน booking ไปด้วยความที่ไม่เคยจองผมเลยเข้าใจว่าบัตร ATM ที่เขียนว่า วีซ่า จะสามารถจองโรงแรมได้ และตอนนี้ก็ยัง งงๆกับบัตรอันนี้ ว่าจองได้เปล่าวะ ... เลยใช้บัตรนี้จองไปที่ Tune Hotel ตอนแรกก็ดูว่าการของนั้นโอเค เลยไม่ได้เข้าไปเช็ค จนกระทั่ง ... ก่อนวันจะไป หนี่งวัน ย้ำ หนี่ง วัน ไอ่เราบังเอิญไปเปิดเมลดู มีข้อความที่ส่งมาบอกว่า บัตรที่ใช้มีปัญหา ถ้าไม่ได้ยืนยันไม่ได้ภายในหกชั่วโมง จะยกเลิก เดี๋ยวๆ นั่นมันส่งมาอาทิตย์ก่อน แล้ว แล้ว แล้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววว

ซวยละะะะ เอาเว้ย หาใหม่ก็ได้วะ แต่ก็ไม่มีบัตรที่จะใช้จองอยู่ดี เลยหาข้อมูลใหม่ว่าที่ไหนพอจะโอเคบ้าง แต่ส่วนใหญ่ที่พักก่อนปีใหม่ ยิ่งเป็นหลังคริสมาสต์ เต็ม ! เห้ย เหลืออีกวันเดียวแล้วนะเว้ย ยิ่งนี่เป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกแบบที่ไม่ใช่ไปกับทัวร์นะ นี่ตื่นเต้นสัสๆ ผมก็คิดน้าาาา ว่าโรงแรมที่ไหนจะรับจอง ไม่มีทั้งบัตรใดใดมาเป็นสิ่งยืนยัน แต่แล้วก็มาเจอที่นี่ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้ได้เข้าพัก ผมเลยทักเฟส ยิ้ม



ผลปรากฏว่า เห้ย นางฟ้ามาโปรดผู้จรจัดหยั่งเราชัดๆๆๆ 555555 เสร็จเรื่องที่พักอีกอย่างคือทางไป กี่สิบทางเลือกผุดขึ้นมาบนหัว รถมอเตอร์ไซต์ รถเมย์ รถไฟ เครื่องบิน กระสวยอวกาศ เอ๊ะ ยังไงดี จากการสืบในห้องนี้เลยได้ความว่า ผมเดินทางจากหาดใหญ่ ซึ่งคิดดูแล้วเดินทางโดยรถตู้นั้นสดวกที่สุด ประหยัดที่สุด ส่งถึงที่ รับถึงที่ รวดเดียวจบ เลยโทรไปจองรถที่ KST Travel ด้วยค่ารถไปกลับราคา 750 -. โอเคตกลง เลยจองไว้รอบ 9 โมงครึ่งของวันที่ 26 ธันวาคม

โอเค ลุยกันเลย 09.00 น. ผมมารอรถที่บริษัททัวร์ ซึ่งการเขียนใบทั้งขาเข้าและออกนั้น ทางบริษัททัวร์เป็นคนจัดการเขียนให้ทั้งหมด เราก็แค่เซ็นชื่อให้ตรงช่องเป็นอันพอ รถออกตรงเวลา เก้าโมงครึ่งล้อก็หมุนนนนนนนน ฟิ้วววววววววววว

* ทริปนี้แบก Canon 60D + Lens 11-16 Tokina , 50mm , แฟรช (ซึ่งไม่รู้พกมาทำไม ใช้ก็ไม่เป็น 555)



ออกรถมาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง ฝั่งด่านนอกของ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา



จากนั้นก็นั่งรถยาวๆ มาถึงปีนัง มาถึงที่นี่สิ่งแรกที่ประทับใจคือ ฝนตก ! ไรวะเฮ้ย อุส่าห์นั่งรถมาสามชั่วโมงกว่า กะจะมาชมบรรยากาศตอนเย็น ถุ้ย ฝนตก !




เราเลยเดินไปหาที่พักกัน ตอนแรกก็หลงนะ ตอนหลังก็หลง เราเลยถามคนแถวนั้นว่าอยู่ไหน แต่ด้วยที่ภาษาอังกฤษผมก็ไม่ได้เป๊ะเวอร์ เฟอบี้ซักเท่าไหร่ เลยพูดกันจนปวดแขน 555555 สุดท้ายก็เจอ เจ้ยยยยยยยยย House of Jouney เป็นที่พักของเราครับบบบบบ



ซึ่งที่จองไว้เป็นห้องเดี่ยวครับ ตอนแรกก็ดีใจนะ เป็นห้องเดี่ยวคงมีห้องน้ำในตัว สบายๆ แต่แล้วความฝันก็สลาย ที่นี่เป็นห้องน้ำรวมเช่นกัน ซึ่งราคาของห้องเดี่ยวจะอยู่ที่ 108 RM + ค่ามัดจำกุญแจอีก 10 RM แปลงเป็นเงินบาทไทยก็ราวๆ 1180 บาท ซึ่ง 10 RM นั้นจะได้คืนตอนคืนห้องนะครับ







พอวางของที่ห้องเสร็จ ความรู้สึกแรกคือยังไม่อยากออกไปไหนนะครับเพราะฝนตก แต่ก็มาถึงที่นี่แล้ว จะให้มานั่งๆนอนๆ อยู่ที่พักได้ยังไงกัน เลยเดินออกมาแถวๆที่พัก หาอะไรใส่ท้องเพิ่มพลังก่อนเดินเที่ยวแถวๆนี้ก่อน จัดมาเลยครับ เห็นเข้าตาหนึ่งร้านครับ คนนั่งเต็มร้าน พุ่งเลยครับงี้ เข้ามานั่งปั้บ สิ่งแรกที่สตั้นคือ สั่งยังไงวะ จังหวะหิวสกิวมือก็มา ชี้โน่นนี่ จนได้มา 3 อย่างครับ





หลังจากที่ชิมอย่างกับเชฟมาทำรายการอาหารที่นี่ ก็ได้ว่า ข้าวผัดซีอิ้วด้านบน รสชาติเหมือนข้าวผัดธรรมดาๆ แถวๆบ้านเราแต่นั่นคือเมนูในมื้อนี้ที่คิดว่ากินได้ที่สุดแล้ว ส่วนไอ่ก๋วยเตี๋ยวอีกสองชาม ได้แต่ยกนิ้วโป้งแล้วบอกว่า "จืด ยิ้มๆ"

หลังจากเติมพลังกันเสร็จ เดินสิครับเดิน















เดินวนๆ แถวๆที่พักทั้งๆที่ยังไม่มีแผนที่ ก็วกกลับมาเจอทางเดินกลับที่พักจนได้ แต่ก็เตะตากับร้านข้างทางเจ้านึง ที่คนซื้อถือจานพลาสติก พร้อมกับยืนกินอยู่หน้าร้าน เป็นการตลาดที่เจาะตลาดได้สุดยอดดดดด มาลองกัน



อันนี้เค้าเรียกว่า Lok Lok ครับวิธีการซื้อและการกินคือการ เอาจานที่ทางร้านห่อถุงไว้เรียบน้อยนั้นมายืนเลือกของกินซึ่งเสียบไม้ไว้ทั้งหมด แต่ละไม้ก็จะมีสีระบายที่ปลายไม้แต่ละสีก็จะมีราคาถูกแพงแตกต่างกันออกไป



ข้างหน้าร้านก็จะมีหม้อลวกให้พอเลือกเสร็จก็มาโยนลงในหม้อนี่ให้สุก หรือพอร้อนๆแล้วแต่รสนิยม แล้วก็จิ้มซึ่งน้ำจิ้มจะมีสามรส คือ อย่างแรกสไปซี่ครับ รสชาติเป็นเปรี้ยวๆ หวานๆ ติดผิดนิดๆ อีกอันจะเป็นน้ำจิ้มสีดำๆจะคล้ายๆบาบีคิวครับ แต่กลิ่นมันแปลกๆ แต่อันสุดท้ายคือสุดยอดของหมู่น้ำจิ้มครับ รสชาติและหน้าตาคล้ายๆน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะบ้านเราครับ ร้านนี้ถือว่าผ่าน หัวเราะ









ต่อจากการกินที่ระบมคอ เกิดอาการอาหารบางส่วนติดคอ อยากหาน้ำกระแทกคอ เลยเดินมาเจอร้านนี้ครับ เป็นการคั้นผลไม้สด ซึ่งไม่มีการล้างใดๆเกิดขึ้นในร้านนี้ เศษผลไม้ทุกอย่างรวมอยู่ในเครื่องคั้นเครื่องเดียว ผมสั่งน้ำมะเฟืองครับ แต่อร่อยนะครับ มันเป็นน้ำผลไม้ที่ real สุดๆไปเลยทีเดียว





และต่อมาก็คิดว่า ควร จะ กลับ ได้ แล้ว นะ เลยเดินกลับมาทางที่พักของเราแต่แล้ว ความที่กลัวจะหิว เลยซื้อขนมมาตุนไว้ ร้านนี้คนมุงเยอะมาก เลยเดินไปหลังร้านคุยกับป้าแม่ค้า ซึ่งใจดีมากกกกกกกกกกกกกก ตอนแรกอยากกินเผือกนะ แต่ป้าบอกนี่แหละเผือก หยิบมาสองชิ้น เสร็จภารกิจกลับ ที่พักมาลองชิมของป้า แต่เดี๋ยว ป้า ไหนเผือกผมครับ มีแต่ถั่วแดง กับหมูแดง



สำหรับคืนนี้ลากันไปด้วยการวางแผนสำหรับวันต่อมานะครับ


พูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ที่ เพจ https://www.facebook.com/canvasstwister
ชื่อสินค้า:   Penang
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่